หน้าแรก > ข่าวประชาสัมพันธ์ > 📣เพื่อแก้ปัญหาแก๊งคอลเซนเตอร์ กสทช. สั่งปรับไม่ต่ำกว่าวันละ 1 ล้านบาท หากผู้ประกอบการโทรศัพท์เคลื่อ
บันทึกโดย :นาย อรุณ มหาไพบูลย์ (เขต33 พิษณุโลก)
วันที่บันทึก :11/07/2565
📣เพื่อแก้ปัญหาแก๊งคอลเซนเตอร์ กสทช. สั่งปรับไม่ต่ำกว่าวันละ 1 ล้านบาท หากผู้ประกอบการโทรศัพท์เคลื่อนที่ไม่สามารถจัดการการลงทะเบียน SIM Card ให้ถูกต้องตามประกาศ กสทช.
📢 กสทช. อัพเลเวลจัดการปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ บอร์ดเคาะปรับไม่ต่ำกว่าวันละ 1 ล้านบาท หากผู้ประกอบการโทรศัพท์เคลื่อนที่ไม่สามารถจัดการการลงทะเบียน SIM Card ให้ถูกต้องตามประกาศ กสทช. ภายใน 30 วัน ขณะที่คณะทำงานพหุภาคีจาก 11 หน่วยงานเสนอเพิ่มสัญลักษณ์ตรวจสอบเลขหมายโทรเข้าจากต่างประเทศ และผลักดันให้สมาคมผู้ประกอบการพัฒนาแอพพลิเคชั่นกรองเบอร์มิจฉาชีพ

292360952_409171567902930_8559589550658584096_n-(1).jpg

▶ เช้าวันที่ 6 ก.ค. 2565 คณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติหรือ กสทช. มีการประชุมร่วมกันและได้มีมติให้ทางสำนักงาน กสทช. ไปดำเนินการกวดขันให้ผู้ประกอบการโทรศัพท์เคลื่อนที่ทุกรายปฏิบัติตามประกาศ กสทช. เรื่อง การลงทะเบียนและจัดเก็บข้อมูลผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ซึ่งหากใช้บัตรประชาชนใบเดียวลงทะเบียนซิมเป็นจำนวนมากกว่า 5 เลขหมายจะต้องไปแสดงตนที่ศูนย์บริการของผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ เพื่อป้องกันไม่ให้มิจฉาชีพนำซิมไปใช้ในการหลอกลวงประชาชนให้เกิดความเดือดร้อนและก่อให้เกิดความเสียหายเสียทรัพย์ดังที่ปรากฏเป็นปัญหากว้างขวางในปัจจุบัน
▶ มติดังกล่าวสืบเนื่องจากการที่สำนักงาน กสทช. ได้มีการจัดประชุมและมีหนังสือกำชับให้ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ปฏิบัติตามกฎระเบียบของ กสทช. เกี่ยวกับการลงทะเบียนซิมการ์ดเป็นระยะ ต่อมาเมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2565 สำนักงาน กสทช. ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบการลงทะเบียนซิมการ์ดผ่านตัวแทนจำหน่าย (ลูกตู้) พบว่า ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่มิได้ปฏิบัติให้เป็นไปตามประกาศ กล่าวคือ พบกรณีที่ผู้ใช้บริการ 1 รายสามารถลงทะเบียนเปิดใช้ซิมการ์ดกับตัวแทนจำหน่ายได้มากกว่า 5 เลขหมายเป็นจำนวนสูงมาก จึงได้แจ้งให้ผู้ประกอบการดำเนินการแก้ไขให้เรียบร้อยโดยเร็ว ในวันนี้ทางสำนักงาน กสทช.ได้รายงานข้อเท็จจริงนี้ให้บอร์ด กสทช.รับทราบเพื่อกำหนดมาตรการทางปกครองหากผู้ประกอบการโทรศัพท์เคลื่อนที่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ภายใน 30 วันนับจากวันที่เริ่มเข้าสู่กระบวนการที่จะดำเนินการทางปกครอง  ในเบื้องต้น บอร์ด กสทช. ได้พิจารณาโมเดลการคำนวณค่าปรับทางปกครองที่จัดทำโดยสำนักงาน กสทช.ซึ่งครอบคลุมถึงกรณีความของความผิด ขนาดของปัญหา และกรณีการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหรือคำสั่งเกี่ยวกับการอนุญาตและการกำกับดูแลที่มีผลกระทบต่อประโยชน์สาธารณะและได้ข้อสรุปเบื้องต้นว่าอัตราค่าปรับน่าจะอยู่ที่ประมาณไม่ต่ำกว่าวันละ 1 ล้านบาท
▶ในบ่ายวันเดียวกันได้มีการประชุมนัดแรกของคณะทำงานพหุภาคีเพื่อแก้ไขปัญหาแก๊งโทรศัพท์ (Call Center) และข้อความสั้น (SMS) หลอกลวง ซึ่งประกอบไปด้วย 11 หน่วยงาน ได้แก่ กสทช. ผู้แทนกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ก.ดีอีเอส) ผู้แทนคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ผู้แทนธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ผู้แทนกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท). ผู้แทนประกอบการโทรศัพท์เคลื่อนที่รายใหญ่ทั้ง 4 ราย (AIS TRUE DTAC และ NT) ผู้แทนสมาคมโทรคมนาคมแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ และผู้แทนสภาองค์กรของผู้บริโภค  ที่ประชุมโดยประธานคณะทำงาน นายประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา ที่ปรึกษาประธาน กสทช. ได้เสนอให้ผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมแบบที่ 1 (ไม่มีโครงข่ายเป็นของตัวเอง) และแบบที่ 3 (มีโครงข่ายเป็นของตนเอง) หาวิธีการเพิ่มเครื่องหมาย + นำหน้าทุกสายที่มีโทรมาจากต่างประเทศ และเสนอให้เพิ่มช่องทาง USSD ให้ประชาชนสามารถเลือกไม่รับสายโทรเข้าจากต่างประเทศตามความสมัครใจ  ขณะเดียวกัน ทางตัวแทนจากสมาคมโทรคมนาคมแห่งประเทศไทยฯยังได้เสนอจะพัฒนาแอปพลิเคชันในการตรวจสอบและสกรีนเบอร์ที่มีแนวโน้มจะเป็นเบอร์มิจฉาชีพ ในลักษณะเดียวกับ Whoscall เพื่อป้องกันเบอร์ที่น่าสงสัยโทรเข้ามารบกวน โดยจะพัฒนาจากแอปพลิเคชัน “กันกวน” เดิมของ กสทช. และจะเป็นการทำงานร่วมกันของผู้ประกอบการในภาคอุตสาหกรรม
▶ นอกจากนี้ ผู้ประกอบกิจการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในที่ประชุม ยังเสนอให้ กสทช. เป็นหน่วยงานกลางในการรับลงทะเบียน Sender’s Name สำหรับ SMS เหมือนกับประเทศสิงคโปร์ที่มีหน่วยงานกำกับดูแลเป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการ จะได้ไม่มีการใช้ ชื่อผู้ส่งปลอมมาหลอกลวงผู้รับ สำหรับการสร้างความตระหนักรู้ให้กับประชาชนเพื่อให้เกิดความระมัดระวังตัวจากกลโกงของมิจฉาชีพ ที่ประชุมเสนอให้มีสำนักงาน กสทช.จัดให้มีการแถลงข่าว หรือออกเป็นข่าวสื่อมวลชนเพื่อให้ข้อมูลกับประชาชนให้รู้เท่าทันกับกลโกงของมิจฉาชีพที่อัพเดตอยู่ตลอดเวลา และให้มีการจัดทำฐานข้อมูลเรื่องร้องเรียนที่ประชาชนแจ้งเบาะแสเข้ามา เพื่อนำข้อมูลมาวิเคราะห์เพื่อแก้ไขปัญหา

#ข่าวประชาสัมพันธ์ #สำนักสื่อสารองค์กร #สำนักงานกสทช.
จำนวนผู้เข้าชม

สำนักงาน กสทช. เขต 33 (พิษณุโลก)   

ที่ตั้ง : 190 ม. 7 (บ้านคุ้งหม้อ) ต. ปากโทก อ. เมือง จ. พิษณุโลก 65000
ที่อยู่รับ-ส่งจดหมาย/พัสดุไปรษณีย์ : ตู้ ปณ. 139 ปณจ. พิษณุโลก อ. เมือง จ. พิษณุโลก 65000

email : [email protected] (สารบรรณอิเล็กทรอนิกส์)

"สายด่วน กสทช. 1200 (โทรฟรี)"  ช่องทางการรับเรื่องสอบถามและร้องเรียนจากประชาชนของศูนย์ Call Center 1200

โทรศัพท์ : 0 5524 5151-2  โทรสาร : 0 5524 5150

งานใบอนุญาต โทรฯ 0 2670 8888  ต่อ  4629, 4634 ,4635   
งานตรวจสอบและกำกับดูแล โทรฯ 0 2670 8888 ต่อ 4633 , 4637 ,4638 
งานตรวจสอบเนื้อหาและคุ้มครองผู้บริโภค โทรฯ 0 2670 8888 ต่อ 4632, 4635 
งานอำนวยการ โทรฯ 0 2670 8888 ต่อ 4626, 4630    
พิกัดที่ตั้ง : Lat : 16.902877  ํN      Long: 100.271843  ํE  หรือ
            Lat : 16°54′10.36″  ํN  Long: 100°16′18.63″  ํE 
>> แผนที่/คลิกเพื่อนำทาง Untitled2-(2).png  <<